Apr
มาการอง ( Macaron ) มีประวัติศาสตร์ ยาวนานหลายร้อยปี และช่วง 5 - 6 ปี มานี้ ชาวปารีส และเหล่าฟู๊ดดี้ ในประเทศต่าง ๆ ก็หลงใหลคุกกี้ชิ้นเล็ก ๆ กลม ๆ 2 ชิ้นประกบกัน ตรงกลางมีไส้ หน้าตาเหมือนแฮมเบอร์เกอร์ รสหวาน สีสันสดใส และราคาสูงจนน่าตกใจ ในปัจจุบันร้านขนมในเมืองไทยหลายร้าน เริ่มผลิตมาการอง ( Macaron ) ออกวางขายกันไม่น้อย แม้ผู้บริโภคจะยังไม่ต่อคิว รอซื้อมากินกันเป็นล่ำเป็นสันก็ตาม เป็นขนมที่มีต้นกำเนิด มาจากประเทศฝรั่งเศส ในยุคข้าวยากหมากแพง ช่วง Frenchrevolution ที่มีการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง ช่วงนั้นมิชชันนารีชาวอิตาลี ที่อาศัยในฝรั่งเศสหาวิธีทำดำรงชีพจาก อัลมอนด์ ( Almond ) น้ำตาล และไข่ขาว ซึ่งเป็นของราคาไม่แพง แต่มีคุณค่าทางอาหาร จึงริเริ่มนำสามอย่างนี้มาตีรวมกันแ ละอบในเตาอบ ออกมาเป็นขนมรูปร่างคล้ายจานบิน ด้านนอกกรอบนิด ๆ กัดเข้าไปด้านในจะได้สัมผัส นิ่มละลายในปากทันที ด้วยรสชาติที่หอมหวานลงตัว และวัตถุดิบที่หาง่ายในยุคนั้น ราคาไม่แพงมาการอง ( Macaron ) จึงได้รับความนิยมแพร่หลาย จนกระทั่งต่อมา มีผู้นำมาการอง ( Macaron ) สองอัน มาประกบกันแล้วทำไส้อยู่ตรงกลาง ซึ่่งเป็นรูปแบขนมมาการอง ( Macaron ) ที่รับประทานมาจนทุกวันนี้ มาการอง ( Macaron ) ยุคใหม่ ถูกปฏิวัติให้ดียิ่งขึ้น โดยพ่อมดของหวานชาวฝรั่งเศส Piere Herme' ซึ่งนำผลไม้จากทุกมุมโลก มาสร้างสรรค์มาการองรสชาติต่าง ๆ จนกระทั่งกลายเป็นขนม ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ปัจจุบันขนมชนิดนี้ เป็นทั้งของหวานแสนอร่อย เป็นทั้งแฟชั่น ที่เชฟเทพ ๆ ทั้งหลายแข่งกันครีเอตหน้าตา และรสชาติออกมาอย่างอร่อย แถมยังสวยงามอีกด้วย
เสน่ห์ของ มาการอง ( Macaron ) ไม่ได้อยู่ที่สีสันสดใสเท่านั้น แต่ว่ากันว่าลักษณะของ มาการอง ( Macaron ) ที่ดีต้องเริ่มตั้งแต่รูปร่าง คล้ายกับโดมแบน ๆ ที่มองดูจากด้านบน จะเป็นรูปวงกลม ผิวด้านบนของขนมเรียบมันจากความละเอียดของ เมล็ดอัลมอนด์บด ส่วนที่สำคัญ คือ ส่วนล่างของชิ้นขนมที่เรียกว่า Foot หรือบางคน เรียกว่า Skirt ซึ่งมัน คือ รอยหยักคล้ายลูกไม้ ชายกระโปรงที่บางกรอบ ซึ่งกว่าจะทำได้เช่นนั้น ก็ต้องมีวิธีการทำที่ยุ่งยากพอควร และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือ กลิ่นอันหอมหวาน เคล็ดลับอยู่ที่หลังจากนำ มาการอง ( Macaron ) สองชิ้นมาประกบกันแล้ว ต้องเก็บไว้ในที่เย็นสักหนึ่งคืน เพื่อให้ไส้รสชาติต่าง ๆ ซึมซับเข้าสู่ชั้นของเนื้อขนม นอกจากนี้ความชื้น จากไส้ครีมยังทำให้ มาการอง ( Macaron ) มีความนุ่มหนึบเวลาเคี้ยวอีกด้วย จะต้องมีรสชาติที่ผสานกัน อย่างลงตัวระหว่างไส้ครีม กับเนื้อคุกกี้ ขนาดของส่วนสูงที่สมดุล ของตัวคุกกี้ชิ้นบน และล่างที่ต้องเท่า ๆ กัน รวมทั้งไส้ที่บีบให้พอดีขอบ และมองเห็นเป็นแนว เส้นเล็ก ๆ โดยรอบตลอดชิ้น
สำหรับในเมืองไทย ในขณะที่กิจการร้านน้ำชา กาแฟ และ เบเกอรี่ กำลังบูมกันทั่วไป ในทุกฟากฝั่งของถนน ความนิยมในขนมหวาน สัญชาติฝรั่งเศสนี้ ก็มีเพิ่มพูนขึ้น เป็นเงาตามตัวเช่นกัน ปรับแต่งรสชาติให้ ถูกปากตามภูมิภาค ของแต่ละประเทศ มีทั้งรสชาติที่หลากหลาย รูปร่างหน้าตาที่มีการดัดแปลง แล้วแต่เชฟแต่ละคนที่จะรังสรรค์ออกมา ให้นักชิมทั้งหลาย ได้หันมาเลือกซื้อ และลิ้มรสขนมหวานอย่างเจ้า มาการอง ( Macaron ) กัน
เพื่อน ๆ เริ่มอยากทำ มาการอง ( Macaron ) ทานกันแล้วใช่ไหมล่ะคะ วันนี้เรามีสูตรมาให้ได้ลองทำตามกันค่ะ
ส่วนผสมของตัวแป้งคุ้กกี้
- น้ำตาลไอซิ่ง 200 กรัม
- ถั่วอัลมอนต์ปั่น 120 กรัม
- ไข่ขาว 100 กรัม
- น้ำตาลทราย 20 กรัม
วิธีทำตัวแป้งคุ้กกี้
- แยกไข่แดงไข่ขาวก่อน ต้องระวังชามผสมจะต้องไม่มีไขมันใด ๆ เลย มิฉะนั้นตัวเมอแรงค์จะขึ้นตัวได้ไม่ดี
- จะได้ไข่ขาว 100 กรัมในชามผสม พักไว้ก่อน
- เตรียมส่วนผสมของแห้งอีกอย่างคือ นำน้ำตาลไอซิ่งมาร่อนชามผสม
- ใส่อัลมอนต์ปั่นตามลงไป แล้วคนผสมให้เข้ากัน แล้วพักไว้
- ตีไข่ขาวจนเกือบจะขึ้นฟู ค่อย ๆ ใส่น้ำตาลลงไป แยกใส่สัก 3 ครั้ง ตีต่อจนขึ้นฟู
- นำส่วนของแห้งทีละครึ่งลงชามไข่ขาวทีตีฟู คนให้เข้ากัน แล้วใส่อีกครึ่งที่เหลือลงไป คนให้เข้ากันดี
- ใช้หัวบีบขนาด 1.2 ซม. ใส่ส่วนผสมลงไปในถุงบีบ แล้วบีบเป็นชิ้น ๆ บนถาด ทิ้งไว้อุณหภูมิห้อง 20 นาที ใฝให้ผิวด้านนอกแห้งลงเล็กน้อย
- ตั้งเตาอบ 150 องศาเซลเซียส หลังจาก 20 นาทีผ่านไป นำถาดเข้าเตาอบได้เลย แล้วให้รีบลดอุณหถูมิลงมา 130 องศาเซลเซียส ใช้เวลาอบ 18 นาที พักให้เย็นลง
ส่วนผสมไส้ครีมวนิลลา
- เนย 125 กรัม
- วานิลลาสกัด ½ ช้อนชา
- น้ำตาลไอซิ่ง 80 กรัม
วิธีทำไส้ครีมวนิลลา
- ตีเนยให้นุ่มเนียน ให้เข้ากันก่อน ในชามผสม
- ร่อนไอซิ่งตามลงไป แล้วตีให้เข้ากันดี
- เพิ่มกลิ่นหอมวานิลลา ลงไปในชามผสม
- ตีให้เข้ากันทั้งหมด
- นำใส่ถุงบีบ แล้วบีบไส้ลงบน มาการองที่อบทิ้งไว้
- แล้วนำมาการองอีกอันประกบเข้าหากัน เสร็จเรียบร้อยทานได้เลย
อ่านบทความเพิ่มเติม