M.K. Unigroup Corporation

ซูเฟล่แพนเค้ก ( Soufle Pancake ) เบเกอรี่ ที่อายุยืนนาน

admin01
mkunigroup

ซูเฟล่แพนเค้ก ( Soufle Pancake ) เป็นหนึ่งใน เบเกอรี่ ที่อายุยืนนาน ซึ่งก็มีต้นกำเนิดมาจาก แพนเค้ก นั่นเอง มาดูกันว่า ซูเฟล่แพนเค้ก ( Soufle Pancake ) นั้น เค้ามีประวัติความเป็นมาอย่างไรบ้าง

 

     แพนเค้ก ที่กำลังฮิตกันมากในตอนนี้ คือ แพนเค้ก จากญี่ปุ่นที่เรียกว่า ซูเฟล่แพนเค้ก ( Soufle Pancake ) หนึ่งในเมนูของ เบเกอรี่ ซึ่งมีลักษณะประณีตเรียบร้อยงดงามเป็นวงกลมสมบูรณ์แบบ เนื้อฟูเบา หนานุ่ม แต่ไม่แน่น บางเจ้าสอดไส้ครีมที่มีรสหวาน และบางเบาราวอากาศเข้าไปอีก ผู้คนจึงต้องไปต่อคิวกินแพนเค้กแบบนี้กันเป็นแถวยาว

     นั่นอาจเป็นวิวัฒนาการขั้นล่าสุดของแพนเค้ก ที่เกิดจากการตีไข่ขาวให้ขึ้นฟูแบบเมอแรงก์ แล้วนำมาตะล่อม ( Folding ) เข้ากับเนื้อของแป้ง ไข่แดง นม น้ำตาล และผงฟู ( รวมถึงการปรุงแต่งกลิ่นรสต่าง ๆ ตามชอบ ) จนกระทั่งได้ออกมาเป็นแพนเค้กที่ฟูเบาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

     แต่ที่จริงแล้ว แพนเค้ก ไม่ใช่ของใหม่ และไม่ได้เก่าแก่มีอายุเพียงนับร้อย ๆ ปีด้วย ทว่านักประวัติศาสตร์อาหารบอกเราว่า แพนเค้กนั้นมีกำเนิดมาอย่างน้อยก็ 30,000 ปี แล้ว

     ว่ากันว่า มนุษย์ในยุคหิน ( Stone Age ) ทำอาหารโดยการนำหญ้าแคทเทล ( Cattail ) ในไทยอาจเรียกได้ว่าเป็นกกธูปฤาษีกับพืชจำพวกเฟิร์นมาบดผสมกับน้ำ แล้วนำไปทอดบนหิน หรือกระทะหินที่เชื่อว่ามีการทาน้ำมันเอาไว้ด้วย ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาเป็นขนมแป้งทอด ( Hardtack ) ที่มีลักษณะเหมือนแพนเค้ก หรือเครป ( และแน่นอน ย่อมเหมือนกับอาหารประเภทเดียวกันในชื่ออื่น ๆ ที่มีให้เรียกอีกนับสิบชื่อ เช่น Flapjack, Hoe Cake, Hot Cake, Drop Scone ฯลฯ ) แต่ลักษณะโดยรวมก็คือ เป็นเค้กแบน ( Flat Cake ) ที่ทำจากแป้งผสมกับของเหลวจนมีลักษณะข้น ๆ ( เป็น Batter ) แล้วนำมาทอด

     นั่นเป็นข้อสันนิษฐานของนักวิทยาศาสตร์ แต่หลักฐานเก่าแก่ที่สุดของแพนเค้กที่ปรากฏอยู่ในกระเพาะอาหารของมนุษย์ น่าจะนับย้อนกลับไปได้อย่างน้อยที่สุดก็ 5,300 ปีที่แล้ว

 

สงครามแพนเค้กจากบริตทานีถึงโธมัส เจฟเฟอร์สัน และอเมริกันแพนเค้ก

     ทุกวันนี้ เราอาจคุ้นเคยกับแพนเค้กแบบอเมริกันดีที่สุด แต่อย่างที่เรารู้ สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่เกิดทีหลังยุโรป และเนื่องจากแพนเค้กเป็นอาหารที่เก่าแก่มาก ดังนั้น ชาวยุโรปจึงเคยทำแพนเค้กมาก่อนชาวอเมริกันแน่ ๆ

 

เพียงแต่พวกเขาไม่ได้เรียกมันว่า แพนเค้ก เท่านั้นเอง

     สงครามแพนเค้กที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์อาหาร ก็คือสงครามระหว่างอเมริกันแพนเค้กกับยูโรเปี้ยนแพนเค้ก ที่หลายคนเรียกว่าเครป ( Crepes ) นั่นเอง

     แพนเค้กแบบยุโรป หรือเครป มีลักษณะเด่นคือ ความบาง และแบน เพราะมันเป็นแพนเค้กแบบโบราณที่ไม่ได้ใส่ผงฟูหรือสารอื่น ๆ ที่ทำให้แพนเค้กขึ้นฟู

     ในยุโรปนั้น แพนเค้กแพร่หลายกระจัดกระจายหลากตระกูลมาก เช่น แพนเค้กของดัตช์จะเรียกว่า Pannenkoeken หรือแพนเค้กของออสเตรียจะเรียกว่า Palatschinken ส่วนตระกูลแพนเค้กแผ่นบางคล้ายเครปที่หลายคนอาจคุ้นชื่ออีกตระกูลหนึ่งคือ แพนเค้กของยุโรปตะวันออก เรรียกว่า บลินี ( Blini ) หรือ บลินตซ์ ( Blintz ) ซึ่งก็ถือว่าเป็นแพนเค้กเก่าแก่ตระกูลหนึ่ง แต่ทั้งหมดนี้มีสูตรพื้นฐานคล้ายคลึงกัน โดยมีรายละเอียดต่างกันไป เช่น ถ้าเป็นเครปแบบฝรั่งเศส อาจผสมแป้งแล้วต้องทิ้งไว้หลายชั่วโมง แต่ถ้าเป็น palačinke ผสมแป้งแล้วต้องทำเลยทันที เป็นต้น

     เส้นแบ่งของแพนเค้กแบบยุโรปกับแพนเค้กแบบอเมริกัน ก็คือการใส่สารที่ทำให้แพนเค้กขึ้นฟู ( Rising Ingredient ) ต่าง ๆ เช่น เบคกิ้งโซดา หรือเบคกิ้งพาวเดอร์ ดังนั้น แพนเค้กแบบอเมริกันจึงมักจะมีความหนามากกว่าแพนเค้กของยุโรป มีชื่อเรียกต่าง ๆ กันไปหลายชื่อ เช่น Hotcake, Flapjack หรือ Griddle Cake โดยถ้าเป็นแพนเค้กยุโรป อาจจะเสิร์ฟมาแบบม้วนสอดไส้ ( ในรูปของเครป ) หรือตกแต่งประดับประดาด้วยเครื่องเคียงอื่น ๆ โรยมาด้านหน้า แต่ถ้าเป็นแพนเค้กอเมริกัน จะเสิร์ฟโดยซ้อนมาเป็นตั้ง ๆ หลาย ๆ ชิ้น ซึ่งก็ทำให้กลายเป็นภาพจำของอเมริกันแพนเค้กไป และเป็นที่ถกเถียงกันมาตลอดประวัติศาสตร์ ( ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องเถียงกัน ) ว่าแพนเค้กแบบไหนเจ๋งกว่ากัน

 

ความแบนของแพนเค้ก

     ลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของแพนเค้กที่คนตะวันตกเห็นพ้องต้องกัน ก็คือ ‘ความแบน’ ไม่ว่าจะเป็นแพนเค้กอเมริกัน บลินี กริดเดิลเค้ก เครป หรืออะไรก็แล้วแต่ที่อยู่ในตระกูลแพนเค้ก จะมีลักษณะร่วมกันคือ ‘ความแบน’ เสมอ

     อย่างไรก็ตาม หากเราหันกลับมาดูการมาถึงของแพนเค้กฟูนุ่มแบบญี่ปุ่น เราคงพอบอกได้นะครับว่า ซูเฟล่แพนเค้ก ( Soufle Pancake ) แบบญี่ปุ่นนั้น ‘ไม่แบน’ เอาเสียเลย มันฟูสูงขึ้นมาเหมือนภูเขามากกว่าที่ราบ

     ดังนั้น ซูเฟล่แพนเค้ก ( Soufle Pancake ) แบบญี่ปุ่นจึงไม่ได้ใหม่แค่รูปลักษณ์เท่านั้น แต่มันยังมีส่วนเข้ามากำหนดวิธีมองแพนเค้กที่เคยถูกครอบงำด้วยสายตาแบบตะวันตกมาตลอดด้วย

     จึงพอพูดได้ว่า แพนเค้กที่เคยมีรากหยั่งลึกกลับไปถึงยุคนีโอลิธิก มีที่มาอยู่ในศาสนาคริสต์ และเคยสู้รบแย่งชิงความอร่อยกันระหว่างฝั่งยุโรปกับฝั่งอเมริกานั้น บัดนี้มีผู้ท้าชิงใหม่เป็น ซูเฟล่แพนเค้ก ( Soufle Pancake ) จากโลกตะวันออกอย่างญี่ปุ่น ก้าวเข้ามาร่วมกำหนด ‘นิยาม’ ใหม่ของแพนเค้กด้วยแล้ว

     ศึกชิงเจ้าตำแหน่งความอร่อยของแพนเค้กที่เกิดขึ้นในตอนนี้ จึงบอกเราว่าประวัติศาสตร์แห่งอาหารนั้นไม่เคยจบสิ้น แต่จะวิวัฒนาการต่อไปเรื่อย ๆ ตราบเท่าที่การกินยังอยู่คู่กับมนุษย์ และยิ่งโลกใกล้ชิดถ่ายเทกันทางวัฒนธรรมมากเท่าไร การต่อสู้แข่งขันกันในวัฒนธรรมอาหาร ก็จะยิ่งน่าตื่นตะลึงมากขึ้นเท่านั้น

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

อยากทำ ชีสเค้ก ต้องเริ่มจากอะไรบ้างนะ ?

How to เก็บวัตถุดิบ เบเกอรี่ และ ชนิดของ เบเกอรี่